ออกกำลังกายนี่มีหลายแบบครับ เคยได้ยินไหม ว่าใครๆ ก็วิ่งได้ การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายอย่างหนึ่ง เพราะแค่มีรองเท้าวิ่ง ก็พื้นที่กว้างๆ ก็ออกไปวิ่งร่าเรียกเหงื่อได้แล้ว หลายๆ ปีมานี่ การวิ่งเริ่มกลับมาบูมอีกครั้งหนึ่ง หลายที่เริ่มจัดงานวิ่งกัน จนเดี๋ยวนี้แทบจะมีทุกอาทิตย์ และในวันเดียวกันก็มีให้เลือกวิ่งกันได้หลายงานเลยทีเดียว
ในงานวิ่งแต่ละงานก็จะมีระยะทางการวิ่งที่แตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่ 5 กิโล, 10 กิโล (มินิมาราธอน), 21 กิโล (ฮาฟมาราธอน) และระยะ 41.195 กิโล (ฟูลมาราธอน) ซึ่งระยะที่มีผู้วิ่งมากที่สุด ยอดนิยมที่สุดก็คือระยะ 10 กิโล หรือ มินิมาราธอนนั่นเองครับ รอบนี้เลยจะมาบอกเล่าเส้นทางจากคนธรรมดาๆ ที่วิ่งได้ 200-300 เมตรก็หอบใจจะขาด จนก้าวผ่านการวิ่งระยะมินิมาราธอน ว่าผ่านไปได้อย่างไร และมีอะไรที่อยากแนะนำให้นักวิ่งคนอื่นๆ ทราบครับ
เกริ่นก่อนว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบออกกำลังกาย เมื่อก่อนเคยวิ่งออกกำลังการนิดหน่อยๆ เมื่อสมัยเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก จนเมื่อปีที่ผ่านมา เริ่มรู้ตัวว่าอ้วนขึ้นจนไม่ไหวแล้ว เลยต้องหาอะไรทำสักอย่าง เริ่มจากฟิตเนสปกติ แต่เริ่มเบื่อการอยู่ออกกำลังกายในที่ๆ เดียว สถานที่ไกลและเวลาไม่ตรงกับตารางชีวิตเท่าไหร่ เลยออกมาวิ่งข้างนอกแบบ outdoor ดีกว่า
แรกๆ ก็ไม่ได้ซ้อมวิ่งจริงจังอะไร ก็แค่ใช้แอพในมือถือ วิ่งๆ เหยาะๆ เล่นๆ โดยให้จับวิ่งได้ประมาณ 2 กิโล ก็เหนื่อยหอบแทบจะเป็นลมแล้วครับ โดยเริ่มวิ่งเดือน มี.ค. 2017
… แต่ร่างกายคนเรานี่ก็แปลก ยิ่งซ้อมก็ยิ่งแกร่ง …
พ.ค. 2017 งานวิ่งงานแรกกับ 5 กิโล ที่งาน “สันต้นดู่ มินิมาราธอน” ตัดสินใจลงเพราะใกล้บ้านมากๆ งานหมู่บ้านขำๆ อยากให้ตัวเองได้ซ้อมวิ่ง มีเป้าหมาย ไม่อย่างนั้นก็จะทำไปวันๆ แล้วก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรอีก งานนี้ผ่านพ้นไปได้แบบหืดขึ้นคอ จำได้ว่าแทบจะเป็นลมเมื่อวิ่งไปสามกิโล และเข้าเส้นชัยได้เป็นแบบไม่ใช้คนสุดท้าย (ซึ่งกลัวเรื่องนี้มากๆ)
มิ.ย. 2017 งานที่ 2 “Supersport 10 miles” แต่ลงจริง 5 ไมล์ หรือ 8 กิโล งานวิ่งงานแรกในเมืองกรุง กับหน้าฝนที่ต้องลุ้นกันแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง ว่าฝนจะเทลงมาไหม สิ่งที่กังวลที่สุดในงานนี้ ไม่ใช่ระยะที่ต้องวิ่ง แต่กลายเป็น “ฝน” ว่าจะตกลงมาในช่วงวิ่งไหม โชคดีมากที่ฝนไม่ตก แต่มีน้ำเจิ่งนองเต็มพื้นถนนตลอดทางวิ่ง เส้นทางวิ่งเป็นการวิ่งกลางเมือง และคนเยอะมาก ส่ิงที่พลาดคือ เชือกรองเท้าผูกไม่แน่น เลยหลุด และอากาศที่ร้อนชื้นไม่เป็นใจ แต่ก็ผ่านมาได้อยู่ในกลุ่มกลางๆ ของนักวิ่งทั้งหมด
ลงสนามจริง กับ มินิมาราธอนในระยะ 11 กิโลเมตร
ส.ค. 2017 งานวิ่งที่จัดมายาวนานกว่า 20 ปี “แม่เมาะฮาฟมาราธอน” ระยะ 11 กิโล หลังจากเริ่มวิ่งมาได้ 5 เดือน ซ้อมบ้าง ไม่ซ้อมบ้าง ขี้เกียจบ้าง โทษฟ้าฝนบ้าง ก็ได้ฤกษ์งามยามดี ลงแข่งระยะมินิกับเขาเสียสักที โดยเป็นงานที่ใหญ่ระดับตำนานของเมืองไทย จัดมายาวนานก่อนพวกงานเล็กๆ ต่างๆ แถวนี้จะมีมาเสียอีก งานจัดไกลถึงจังหวัดลำปาง ในอำเภอแม่เมาะนู่นเลย ถามว่าซ้อมถึงไหม ก็ไม่ แต่ได้ซ้อมตามโปรแกรมในแอพ Nike run เอาไว้ โดยวิ่งสูงสุดประมาณ 8 กิโล ก่อนแข่ง
งานมินิแรก กับ 11 กิโล เส้นทางที่ไม่คุ้น และการลุ้นฝน ว่าจะตกไหม ยังไงแล้วก็เตรียมใจไว้หน่อยแล้ว เพราะงานวิ่งหน้าฝน อะไรก็เกิดขึ้นได้ งานจัดที่ลำปาง ต้องขับรถไปนอนก่อนคืนหนึ่งก่อนงานวิ่ง ทั้งตื่นเต้น กังวล และไม่ชินสถานที่ทาง เลยนอนไม่หลับ
ปล่อยตัววิ่ง 6 โมง ก็วิ่งไปช้าๆ เรื่อยๆ ตามที่ซ้อมมาจนได้เจอกับเนินมหาสนุกของสนามนี้ คือบอกก่อนว่าสนามนี้ มีเนินที่เยอะมาก เป็นลูกๆ คลื่นๆ ขึ้นลงๆ ดูปราบเซียนได้เลย ที่น่าสนใจคือ งานนี้มีกองเชียร์อยู่ตลอดทาง รู้สึกคึก และดูเป็นกันเองมากๆ มีน้องๆ นักเรียนคอยเชียร์อยู่เป็นระยะๆ จนผมสามารถวิ่ง และเดินๆ จนเข้าเส้นชัยได้ภายในเวลา 1:30 ชั่วโมงที่เขากำหนด
ตลอด 5 เดือนตั้งแต่หัดวิ่ง จนผ่านพ้นมินิมาราธอน 11 กิโล มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป (ยกเว้นน้ำหนักตัวที่คงที่มาตลอด T-T) ที่เห็นได้ชัดเจนคือ สุขภาพดีขึ้น นอนหลับได้ลึก และไม่ค่อยกังวลกับอะไรต่างๆ มากนัก สิ่งที่สังเกตได้ และเกร็ดต่างๆ ที่อยากจะบอกเล่าก็มีตามนี้ครับ
・ร่างกายคนเรา แกร่งขึ้นได้เรื่อยๆ จากการฝึกฝน
・จะช้าหรือเร็ว ก็สามารถเข้าเส้นชัยได้เหมือนกัน
・เพลีย หรือบาดเจ็บ ถ้ารู้สึกไม่เต็มร้อย ก็ให้พักก่อน
・มีคนที่วิ่งช้ากว่าเรา และแน่นอนมีคนวิ่งเร็วกว่าเราเสมอ
・สภาพอากาศมีผลกับการวิ่งอย่างมาก
・สภาพร่างกาย และจิตใจก็เช่นเดียวกัน
・ดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน เพื่อให้ร่างกายได้มีน้ำหลังจากเสียไปในการนอน
・ทานอาหารเบาๆ 2 ชั่วโมงก่อนปล่อยตัว เช่น ขนมปัง กาแฟ ผลไม้ ฯลฯ
・ถึงสนามแข่งก่อนเวลาปล่อย ครึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้วอร์ม และเข้าห้องน้ำทำธุระต่างๆ
・ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น และลองวิ่งเหยาะๆ เพื่อเช็คความแน่นของเชือกก่อนปล่อยตัว
・วิ่งตามที่ซ้อมในช่วงแรก อย่าพึ่งตามคนรอบๆ ที่เขาวิ่งเร็วกว่า
・ถ้าคิดว่าวันนี้มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ทำตามใจตัวเองได้
・จิบน้ำในทุกจุดที่มีน้ำ โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่ อาจเกิดอาการขาดน้ำได้
・หลังเข้าเส้นใช้ ให้เดินต่อสักพัก จะหยุดนั่งทันที อาจหน้ามืดได้
・จากนั้นอย่าลืมยืดเหยียดหลังวิ่งทุกครั้ง
・ดื่มน้ำให้มากๆ หลังวิ่ง และพยายามยืดเหยียดอยู่บ่อยๆ ในระหว่างวันที่จบการแข่ง
คร่าวๆ คงประมาณนี้ครับ สำหรับการวิ่ง มินิมาราธอน ต่อไป บทความหน้า ผมคงจะเขียนได้เข้มข้นกว่านี้ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างการฝึกซ้อม ลงฮาฟมาราธอน 21 กิโล ครั้งแรกในชีวิต ที่กำลังจะจัดช่วงกลางเดือน พ.ย. นี้ จะเป็นอย่างไร ไว้มารายงานให้ทราบกันอีกทีนะครับ